Support
www.abbnotary.com
084-0338546
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ


การรับบริการรับรองเอกสารต่อ Notary Public มีขั้นตอนในการดำเนินการและเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้

  • การรับรองลายมือชื่อ (Signature Notarization) บุคคลที่จะเข้ารับบริการรับรองลายมือชื่อต่อโนตารี พับลิค จะต้องมาแสดงตัวและลงลายมือชื่อต่อหน้าื notary public เอกสารทึ่จะต้องนำมาแสดงเพื่อยืนยันตัวบุคคล เช่น พาสปอร์ต (Passport) ,บัตรประชาชน ,ใบอนุญาติขับขี่รถยนต์ เป็นต้น
  • การรับรองคำแปลเอกสาร (Certified ture translation) บุคคลที่มีความประสงค์ที่จะต้องการแปลเอกสารจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ จะต้องนำต้นฉบับเอกสารที่เป็นภาษาไทยมาให้กับโนตารี พับลิค เป็นผู้ดำเนินการแปลและรับรองเอกสารนั้น หรือหากเป็นเอกสารที่แปลมาแล้ว จะต้องนำเอกสารทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มาให้กับ notary public เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
  • การรับรองสำเนาเอกสาร (Certified true copy) บุคคลที่มีความประสงค์ที่จะต้องการรับรองสำเนาเอกสารจะต้องนำต้นฉบับของเอกสารนั้นพร้อมสำเนาเอกสาร มาแสดงต่อโนตารี พับลิค เพื่อตรวจสอบความถูกต้องก่อนมีการรับรองสำเนาเอกสาร เอกสารที่จะต้องทำการรับรองสำเนา เช่น สำเนาพาสปอร์ต สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาวุฒิการศึกษา สำเนาหนังสือรับรองต่างๆ เป็นต้น

ขั้นตอนของการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ สำหรับให้ โนตารีพับลิคยืนยัน

นอกจากเอกสารที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกระบวณการทางกฏหมายแล้วนั้นเรายังบริการ เกี่ยวกับการแปลเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำเอกสารสำหรับใช้ในการติดต่อกับทางสถานทูตหรือกระทรวงต่างประเทศ รวมทั้งทางเรายังรับแปลเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องในทางกฏหมายหรือเอกสารระหว่างประเทศหากคุณมีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับการจัดทำสัญญาธุรกรรมหรือนิติกรรมอื่นๆเพิ่มเติมสามารถเข้ามาปรึกษาที่สำนักงานของเราหรือ ติดต่อสอบถามได้ที่ เบอร์ 084-0338546 หรือ ทาง Email: domminican@hotmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยครับ

 

Abb โนตารี พับลิค

โนตารี พับลิค (Notary Public) หรือ โนตาเรียล เซอร์วิส แอทโทนี่ (Notarial Services Attorney) ในประเทศไทย คืออะไร ??

Notary Public หรือ Notarial services Attorney ในต่างประเทศหมายถึง บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งจากทางราชการของประเทศนั้นๆ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ มีหน้าที่ในการจัดทำสัญญา รับรองลายมือชื่อในเอกสาร ลงชื่อในฐานะเป็นพยานใน เอกสาร รับรองเอกสารนั้นๆ ว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริงจากต้นฉบับ ให้ทำคำสาบาน หรือทำหน้าที่อื่นๆ ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้และตามหลักปฏิบัติของประเทศนั้นๆ ส่วนมากเอกสารเหล่านั้นจะนำไปใช้ในต่างปรเทศ หรือสถานทูตประจำประเทศไทย

ในประเทศไทยทนายความที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาทนายความ และได้รับอนุญาตให้ทำรับรองลายมือชื่อ และเอกสารจากสภาทนายความ เป็นผู้ทำหน้าที่ โนตารี พับลิค หรือ Notarial services Attorney โดยสภาทนายความ (The Lawyers council Of Thailand) ได้ออกข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อ และเอกสาร พ.ศ. 2551 และระเบียบว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความ ผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2552 พร้อมกับเปิดอบรมหลักสูตรทนายความ ผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร ให้แก่ทนายความเพื่อเป็นผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อ และเอกสาร

 

หน้าที่ของ Notary Public หรือ Notarial services Attorney ดังนี้

  • รับรองลายมือชื่อในเอกสาร
  • รับรองนิติกรรมที่เอกชนทำขึ้น
  • รับรองคำแปลเอกสาร
  • รับรองข้อเท็จจริง
  • รับรองสำเนาเอกสาร
  • รับรองความมีอยู่ของเอกสาร
  • จัดทำคำสาบาน
  • จัดทำบันทึกคำให้การ
  • ทำคำคัดค้านตราสาร
  • รับรองตัวบุคคล
  • ทำหน้าที่อื่นที่กฎหมายกำหนด
  •  

การปฎิบัติหน้าที่ของทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารตามแนวทางสภาทนายความ มีดังนี้ ทนายความผู้ทำคำรับรองต้องไม่เลือกปฎิบัติ ปฎิบัติหน้าที่ได้เพียงในฐานะพยานรู้เห็นข้อเท็จจริงเท่านั้น การรับรองลายมือชื่อต้องให้ผู้ลงลายมือ ชื่อมาแสดงตัวต่อหน้า และต้องตรวจสอบเอกสารเพื่อยืนยันตัวบุคคล ทนายความผู้ทำคำรับรองต้องให้ความสำคัญแก่ข้อเท็จจริงและเอกสาร ที่ตรวจสอบยิ่งกว่าวิญญูชนทั่วไป และต้องไม่เปิดเผยข้อมูล หรือความลับที่ตนได้รับมาเนื่องจากการปฎิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ทำคำรับรอง

ดังนั้นการรับรองลายมือชื่อ หรือรับรองเอกสาร หรือจัดทำเอกสารคำรับรองเพื่อนำเอกสาร หรือสำเนาเอกสารเหล่านั้นไปใช้ จึงต้องทราบวัตถุประสงค์ ประโยชน์ และหน้าที่ของ โนตารี พับลิค หรือ Notarial Services Attorney จึงจะได้ประโยชน์ ตามความต้องการของผู้รับการรับรอง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ของแต่ละประเทศ

การทำจิตใจให้สงบลง

การทำจิตใจของเราให้สงบลง

ในการทำจิตใจห้สงบลงได้นั้น เราจะต้องรู้จักการวางจิตให้พอดี ถ้าตั้งใจที่จะทำมากเกินไปมันก็จะเลยพ้นออกไปหาเอาทางที่สงบลงมาไม่ได้ แต่ถ้าปล่อยประละเลยมากเกินไปก็จะทำให้ก็จะไปไม่ถึงจิตที่สงบอยู่ดี ซึ่งนั่นก็จะเป็นการขาดความพอดี โดยปกติทั่วไปแล้วนั้นจิตของเราทั้งหลายจะไม่อยู่นิ่ง จะเป็นอากัปกิริยาที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เมื่อบังคับได้สักครู่เดี๋ยวก็ไปคิดเอาเรื่องนั้น พอจับมาได้ อยู่นิ่งแค่ครู่เดียวก็จะไปคิดเอาอีกเรื่องหนึ่ง จะเป็นอย่างนี้เรื่อยไป ดังนั้นแล้วจิตของเรานั้นจึงไม่ค่อยที่จะมีกำลัง

 

การทำจิตให้มีกำลังนั้น ด้วยวิธีแล้วจะแตกต่างออกไปจากการทำร่างกายให้มีกำลัง ในการทำกายให้มีกำลังนั้นเราก็มักที่จะออกกำลังกาย มีการเล่นกีฬาเพื่อให้ร่างกายนั้นแข้งแรงทนทาน และมีกำลังที่จะทำสิ่งต่างๆ ได้ ส่วนการทำจิตใจให้มีกำลังสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้นั้นจะตรงข้ามกัน เพราะจะต้องทำจิตให้สงบลง ไม่ปล่อยให้คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะจะทำให้จิตนั้นอ่อนล้าไม่ได้พัก เมื่อจิตสงบลงก็จะมีกำลังมากขึ้นเพราะว่าได้พักผ่อนมาแล้ว จึงเป็นจิตที่แข็งแรง

การตกลงคบค้ากับคนที่เหมาะสม

 

 "คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล" เป็นนิยามของการฟ้องว่า หากเราคบสิ่งใด โอกาสที่เราจะกลายพันธ์ุเป็นสิ่งนั้นย่อมสูง เพราะอิทธิพลที่เกิดจากการเสพสิ่งที่เราใกล้ชิด มักจะซึมวาบเข้าไปในชีวิตโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้บางครั้งอาจจะรับรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างที่เป็นความงดงามมักจะน้อยลงเต็มที ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เราต้องใส่ใจในการสร้างสิ่งที่เกาะกุมชีวิตให้มีกำบังสำหรับตัวเองก็คือ "กัลยาณมิตร" ผู้ชื่อเป็นเพื่อนคู่คิดมิตรผู้ดีงามเพราะการเสพส้องกับสิ่งดีๆ ดอกาสที่สิ่งดีๆนั้นจะซึมซับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตก็มีสูงเช่นกัน

ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกว่าจะให้ใครผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา ก็ควรตระหนักรู้ว่าใครคนนั้นมีความดีที่จะทำให้ชีวีของเราสง่างามหรือไม่ แล้วค่อยตัดสินใจที่เกี่ยวก้อยร้อยดวงใจมอบให้แก่กัน

การทำความดีและเมตตาต่อคนอื่นเป็นประจำ

 

การมีเมตตาต่อผู้ือื่นๆ เป็นความดีที่ควรปลูกให้เติบโตในใจของเรา กระทั่งควรเพิ่มเติมเป็นความกรุณา ที่จะช่วยให้ผู้อื่นมีความสุขที่มากกว่าเดิม แค่บางครั้งความเมตตาที่แสดงออกนั้น อาจผ่านการกระทำที่ดูเหมือนไม่เต็มใจ หรือดูเป็นความใจร้ายในสิ่งที่แสดงออก แต่โปรดจำไว้ว่า "สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ"

เราจึงต้องเรียนรู็ที่จะมองให้ลึกลงไปถึง "เจตนา" ที่เกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ แล้วเราจะเห็นว่าเจตนาที่ซ่อนอยู่ในการแสดงออกเป็นไปเพื่ออะไร อย่างไรก็ดี สิ่งที่ควรตระหนักอยู่เสมอก็คือความรักที่ถูกปรุวรสให้เป็นเมตตาและกรุณา ท้ายที่สุดมักจบลงท่ามกลางความยินดีด้วยกันทุกฝ่าย

แม้ว่าสิ่งที่เราเห็นอาจเป็นภาพที่ดูเหมือนกระด้างแต่ในความรู็สึกที่อยู่ภายในใจของคนแต่ล่ะคนที่ได้สัมผัส ย่อมซ่อนรอยยิ้มที่มีความอิ่มเอมใจอยู่ในนั้นความเมตตากรุณาจึงเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าสำหรับทุกชีวิตที่เกิดมา เพราะความเมตตากรุณาช่วยสร้างโลกให้มีความงามที่ควรค่าต่อการชื่นชม แต่ความโหร้ายทำลายชีวิตและโลกนั้นไม่คู่ควรต่อการจดจำแม้เพียงเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึก

 

ที่มาจากหนังสือ : สุขใจเพราะ ให้ เป็นโดยหลวงพ่อ ชุติปัญโญ

การบริหารความสุขที่เหมาะสมกับคุณอย่างง่ายๆ

 การบริหารความสุขที่เหมาะสมแก่ทุกคนทุกวัย

 

วิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบันนั้นมักจะมองหาความสุขที่อยู่ไกลตัว และชอบคิดว่าความสุขในแบบฉบับของตนยังไม่ดีพอ จึงพยายามที่จะถีบตัวเองออกไปให้ไกลเพื่อตามล่าความสุขที่คิดว่าน่าจะใช่ แต่ความเป็นจริงคือ ทุกคนล้วนมีความเป็นตัวของตัวเอง มีความรู้สึกนึกคิดในแบบฉบับของแต่ละคน จึงทำให้เราไม่สามารถที่จะวิ่งตามคนอื่นได้ตลอดเวลา สิ่งสำคัญของการค้นหาความสุขจึงอยู่ที่ว่า "เราตามหาตัวเองเจอหรือยัง?" เพราะหากรู้จักมองเข้ามาใกล้ใจของเรา และยอมรับในวิถีที่เป็นอยู่อย่างผู้มีปัญญาความสุขย่อมปรากฏโฉมให้ได้ยล พร้อมฟ้องความเป็นตัวตนและคนที่มีค่าในแบบฉบับของเราอย่างงดงาม

 

กว่าจะรู้ใจใครสักคน

กว่าจะรู้ใจใครสักคน

การจะรู้ใจใครสักคนหนึ่ง หรือจะเชื่อมั่นได้ว่าเขาคนนั้นน่าเชื่อถือเพียงใด เราคงต้องให้ปัญหาเป็นบททดสอบมิตรภาพนั้น เพราะหากต้องการรู้ว่าใครมีชีวิตที่ดีงาม เราคงต้องอาศัยอยู่ด้วยกันให้นานๆ

จะรู้ว่าใครมีควมกล้าที่น่าไว้ใจ คงต้องให้ภัยเป็นบททดสอบกำลังใจที่เขามี จะรู้ว่าเขาคนนั้นมีปัญญาที่เชื่อถือได้หรือไม่ คงต้องสร้างโจทย์ที่จะพูดกัน เพื่อกระตุ้นปัญญาที่ซ่อนอยู่ในตัวของเขาให้ปรากฏโฉมออกมา แล้วเราจะได้รู้ว่าเขาคนนั้นคู่ควรแก่การรู้จักเพียงใด

เพราะหากไม่รู้จักคัดกรองคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เราก็คงต่างอะไรกับคนที่มีสิทธิ์เลือก แต่ไม่รู้จักแม้แต่จะเลือกสิ่งใดให้กับตัวเอง มีสิทธิ์เลือก แต่ไม่รู้จักแม้แต่จะเลือกสิ่งใดให้กับตัวเอง มีสิทธิ์ที่จะเลือกเสพ แต่กลับมักง่ายที่จะเสพตามอำเภอใจ

เมื่อรับโทษภัยจากการไร้การคัดกรอง เราคงไม่สามารถโทษใครหรือเรียกร้องที่จะให้คนอื่นมาเห็นใจ เพราะเราไม่ยอมใช้สิทธิ์ที่จะเลือกเสพ แต่กลับมักง่ายที่จะเสพตามอำเภอใจ

ดังนั้น เมื่อจะตัดสินใจหรือเรื่องอะไรก็ตาม การรู้จักเรียนรู้และทบทวนโดยมีเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แลใช้ปัญญาเป็นคู่มือในการไตร่ตรองจึงจำเป็นสำหรับตัวเรา

มุมมองของการเข้าใจ

 การมองสิ่งต่างๆด้วยความเข้าใจ

คนเราที่เกิดมาบนโลกใบนี้ สิ่งที่แสดงออกมาจากวิถีแห่งจิตของแต่ละคนก็คือภาวะต่างจิตต่างใจ ทุกมุมมองจึงมีความหลากหลายให้ได้ประสบ แต่ในความหลากหลายเหล่านี้ก็มีสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเชื่อมความหลากหลายให้กลายเป็นความสมดุลได้ นั่นก็คือ "การมองด้วยความเข้าใจ" เพราะหากมีความเข้าใจและยอมรับในมิติต่างๆ ที่มี เราย่อมรู้จักเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นๆ อย่างถูกทางรู้จักประนีประนอมเมื่อสิ่งเหล่านั้นขมึงเกลียว เมื่อทำได้เช่นนี้ความแตกต่างที่เป็นนานาจิตตังก็จะช่วยให้เรามีองค์ความรู้ใหม่ท่ามกลางความหลากหลายที่มีอยู่ในผู้คน

การแก้ปัญหาเรื่องเวลาของต้นเหตุ

แก้ปัญหาเรื่องเวลาจากต้นเหตุเกี่ยวกับทัศนคติ

สำหรับเรื่องเวลา หลายๆท่านอาจจะคิดว่าสาเหตุของปัญหาอาจไม่ใช่ว่าเรามีเวลาไม่พอ แต่จริงๆและนั้นมันอาจมาจากหลายๆสาเหตุอื่นๆ เช่น ทัศนคติ ถ้าเรารับงานมาอย่างหนึ่ง แล้วสร้างอคติขึ้นมาตั้งแต่ต้นว่ามันเป็นงานที่เราไม่ถนัด ไม่อยากทำ นั่นคือเรารู้สึกลบกับงานชิ้นนั้นตั้งแต่แรก ดังนั้นโอกาสที่งานจะกลายเป็นปัญหาและทำให้เราจัดสรรเวลาไม่ได้จึงมีมาก อีกอย่าง มนุษย์มักทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าง่ายก่อน อะไรที่ไม่ชอบ เราก็จะเก็บไว้ทำทีหลัง ทั้งๆที่ถ้าเป็นงานที่เราไม่ชอบ ไม่ถนัด เราก็ย่อมต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และลองผิดลองถูกมากกว่า ดังนั้นงานที่เราไม่ชอบควรเป็นงานที่เราต้องทำก่อนเป็นอย่างแรก

การมีทัศนคติในการทำงานที่่ผิดทำให้เราลำดับความสำคัญในการทำงานผิดตามไปด้วย และทำให้เราไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงาน เพราะขณะที่ทำงานที่คิดว่าง่ย เราก็มีความกังวลลึกๆ ถึงงานยากที่รออยู่ งานง่ายที่ควรเสร็จเร็วก็กลายเป็นเสร็จช้า และทำให้เวลาในการทำงานชิ้นถัดไปเหลือน้อยลงอีก หนทางที่จะไล่ทำงานให้ทันแทบไม่มี ในทางกลับกัน ถ้าเรามีทัศนคติที่ดีกับงาน ไม่ว่าจะรับมอบหมายงานใดก็ตั้งใจทำอย่างที่สุด พยายามเรียงลำดับงานตามความสำคัญ งานไหนที่คิดว่าต้องใช้เวลามากหรือเป็นงานยากก็ยกมาทำก่อน ก็จทำให้เราจัดสรรเวลาได้ดีขึ้น

การเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวเราด้วยประสบการณ์

การเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวเราด้วยประสบการณ์

การจะเรียนรู้อะไรสักอย่างหนึ่งนั้น เราควรรู้จักที่มาที่ไปของเรื่องๆนั้น ให้ชัดเจน แล้วปัญญาชนิดใหม่ก็จะปรากฏแก่เรา ที่สำคัญการค้นหาเหตุผลนั้น ไม่ควรมองข้ามผู้มีประสบการณ์ที่ผ่านการใช้ชีวิตมานาน แต่ควรรู้จักเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ จาก ท่านด้วยความเคารพ เพราะประสบการณ์ชีวิตของคนที่ผ่านการใช้เวลาอย่างยาวนาน ย่อมช่วยสะท้อนเหตุแห่งความจริงที่มีเพื่อนำไปสุ่ผลทีุ่กต้องได้ จึงจำเป็นที่เราจะต้องอาศัยสิ่งแดล้อมอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งการตระหนักรู้ในตัวเองและการรับรู้จากผู้อื่นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนจึงจะทำให้สิ่งที่ได้รับมา เป็นเครื่องฟ้องคุณค่าที่ควรแก่การจดจำ

เรียนรู้และเข้าใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น

สิ่งที่คอยช่วยเราได้ดีที่สุด คือปัญญาที่มีอยู่ในตัวเราซึ่งเกิดจากการรู้จักทบทวนเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นอย่างรู้เท่าทันตามความเป็นจริง เพราะหากเป็นความเปล่ากลวงแต่หากรู้จักสร้างชีวิตด้วยปัญญาที่มาจากการฝึกฝน และมีสติไตร่ตรองมองเหตุผลอย่างถูกทาง สิ่งที่เรามีอยุ่และรู้เท่าทันจะเป็นสิ่งสูงสุดที่คอยคุ้มครอเราให้ประสบแต่ความโชคดี ดังนั้นแสวงที่พึ่ง คือปัญญาที่มาจากใจของเราเอง เพราะหากเฝ้าถามหาแต่สิ่งที่อยู่ไกลเกิน นั่นเท่ากับเราตามคว้าอนาคตที่เป็นเพียงหมอกควันแห่งความฝันเท่านั้นเอง

การใช้สติตัดสินปัญหาอย่างเยือกเย็น

การแก้ไขปัญหาด้วยสติอย่างเยือกเย็น

ในการใช้ชีวิตของเราเช่นเีดยวกัน บ่อยครั้งที่เรายอมที่จะโต้เถียงกับผู้อื่น หรือถกปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อความสะใจในอารมณ์เป็นหลัก ต้องการเป็นผู้ชนะทุกครั้ง แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว การเป็นผู้ชนะนั้นก็มิได้ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อยางใดกลับเป็นการทำเรื่องเล็กน้อยให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่เสมอ เพราะการใช้อารมณ์เป็นใหญ่ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

แต่ถ้ามีสติมากพอ เราจะรู้จักมองปัญหาว่าบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ทำให้เกิดปัญญาและความงดงามในชีวิตแต่อย่างใด รังแต่จะทำให้ชีวิตด้อยค่าเสียเปล่า ด้วยเหตุนี้ผู้ฉลาดจึงยอมที่จะถอยออกมาอยู่ในวิถีที่เหมาะของตัวเองดีกว่า ดังนั้นเมื่อเราต้องการความสุขให้บังเกิดขึ้นในตน เราก็ควรเรียนรู้ที่จะเป็นผู้แพ้เพื่อชนะให้เป็น เป็นการแพ้ภายนอกแต่ชนะใจภายในแทน เมื่อนั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่

ทัศนคติทางความคิดสร้างสรรคอย่างลงตัว

ทัศนคติทางความคิดสร้างสรรคอย่างลงตัว

สำรวจสถานะความคิด

ถ้าหากเรามักคิดว่า "เขาคิดดีกว่าเรา เราคิดไม่ได้อย่างเขาหรอก" เวลามีปัญหาเกิดขึ้น เรามักดูว่าคนอื่นจะทำอย่างไร และทำตามมากกว่าที่จะคิดด้วยตนเอง หรือเคยพูดทำนองว่า "เขาว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นแหละ ตามๆ เขาไปเถอะ" หรือเรามักจะพอใจเมื่อได้เลียนแบบมากกว่าพอใจเมื่อได้คิดเองแม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การออกแบบทรงผม การ ห่อของขวัญ

ถ้าเราตอบว่า เราเคยคิดเช่นนั้น เรามีแนวโน้มมองไม่เห็นคุณค่าและศักยภาพความคิดสร้างสรรค์ที่ซ่อนอยุ่ในตัว โดยให้คุณค่าความคิดผู้อื่นว่า ดี และ ดังกว่าตน ทั้งๆ ที่ ในความเป็นจริงเราอาจทำได้ดีและเหมาะสมกว่าก็ได้ หากเราเรียนรู้ที่จะมั่นใจในตนเอง ให้ เกียรติและเคารพตนเอง ไม่มองตนเองด้อยเกินความเป็นจริง เพราะการคิดเช่นนั้นจะปิดกั้นตนเองมิให้กล้าแหวกม่านประเพณีทางความคิดเพราะเกรงจะถูกหัวเราะเยอะ เกรงว่าไม่ได้รับการยอมรับนั่นเองครับ

  
ประกาศ
ข้อความโพสต์ล่าสุด
2013-12-23 12:00:15.0
  
ความคิดเห็นล่าสุด
ความคิดเห็นสินค้าล่าสุด

บทความน่าสนใจ

การใช้งานปากกา

ปากกา เมื่อกล่าวถึงปากกานั่นก็จะต้องหมายความถึง เครื่องมือที่มีไว้สำหรับขีดเขียนนั่นเอง ซึ่งก็จะต้องใช้หมึกเพื่อใช้ในการเขียนลงไปบนพื้นผิวที่มีความเรียบสม่ำเสมอกัน และโดยมากแล้วนั้นก็จะเขียนกันลงบนกระดาษ และเมื่อต้องการใช้งานปากกานั้น จะต้องรู้ก่อนว่...

อ่านเพิ่มเติม...

เว็บบอร์ด